เคยได้ยินปราชญ์ชาวบ้านคุยให้ฟังในที่ประชุมแห่งหนึ่งว่า
ครอบครัวที่บ้านนี่ก็คล้ายๆกับรัฐสภา
เราเป็นฝ่ายรัฐบาล
มีเมียเป็นรัฐมนตรีคลัง
แล้วก็เป็นฝ่ายค้านตัวโตในบ้านด้วย
อิอิอิ
สำหรับท่านที่ยังไม่มีครอบครัว
แต่คิดว่าจะมี
หรือท่านที่มีครอบครัวแล้ว
เห็นมั๊ยว่า
การฝึกทักษะการเถียงย่อมเป็นประโยชน์ในปัจจุบัน
และในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะมีแฟนเป็นหญิงหรือชาย
หรืออะไรก็ตาม
ก่อนเถียงคุณควรพินิจพิเคราะห์สิ่งที่ได้ยินให้ดี
โดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- ความหมาย
หรือคำนิยามศัพท์ที่ใช้
คำบางคำ
ประโยคบางประโยคมีความหมายไม่ชัดเจน
คลุมเครือ
คำบางคำก็มีความหมายหลายอย่าง
เช่น
เวลาที่เจ้านายบอกว่า คุณน่าจะมาถึงที่ทำงานก่อน
8 โมงนะ เราอาจตอบว่า เหรอ
มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?
ก็ได้
เพราะไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ของเจ้านาย
(แบบนี้เขาเรียกว่า
พวกที่จบคณะแพทยศาสตร์
หรือ หัวหมอ)
ตอบแบบนี้ อาจได้เป็นที่ระลึก
คำบางคำที่สื่อความหมายในเชิงนามธรรม
อย่างเช่นคำว่า ดี ดี
แปลว่าอะไร
มีอะไรมาเป็นมาตรวัด
คนเราคงวัดความดีจากไม้บรรทัดในใจ
ที่กว้างยาวไม่เท่ากัน
คำว่าดีของคนหนึ่ง
อาจจะไม่ดีในอีกสายตาของอีกคนก็ได้
จริงมะ?
- ข้อพิสูจน์และเหตุผลที่เอามาอ้าง
พูดง่ายๆคือข้ออ้างเขาฟังขึ้นไหม
อย่างบอกว่า ให้เรากินผักเยอะๆ
จะได้ตาไม่สั้น
เพราะไม่มีกระต่ายสักตัวที่ใส่แว่น
แหม
งั้นกินผักแล้วอาจทำให้มีเขางอกออกมาได้
เหมือนวัว
เหมือนควายที่กินผักกินหญ้า
ก็ได้นะ
เอาเป็นว่า
ข้อพิสูจน์และเหตุผลที่ยกมานั้น
จะต้องฟังดูแล้วเข้าท่าเข้าทาง
(Make sense)
มีหลักฐานรับรองว่าน่าเชื่อถือ
- คุณภาพของข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้พิสูจน์ข้อโต้แย้ง
แน่นอน
คุณภาพของข้อมูลก็สำคัญเหมือนกัน
คืออ้างถึงคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
อ้างถึงวารสารวิชาชีพ
วิชาการ สถิติ
และตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง
เราคงจะไม่เที่ยวไปอ้างคำพูดของนักการตลาดในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ
อืมม์
แต่ตอนนี้ก็เห็นคนจบอักษรฯ
เป็น รมต. สาธารณสุข
บางทีเธอก็ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรักษา
เทคนิคด้านการแพทย์ได้อย่างเป็นตุเป็นตะ
เราควรจะเชื่อเธอดีไหม?
- วิธีการให้เหตุผล
คนพูดใช้วิธีการให้เหตุผลด้วยการยกตัวอย่างมาเยอะๆ
แล้วนำไปสู่ข้อสรุป (inductive
reasoning หรือ อุปนัย)
อย่างบอกว่า
กรณีที่ 1
การกินกระถินทำให้ร่างกายแข็งแรง
กรณีที่ 2
การกินตำลึงทำให้ร่างกายแข็งแรง
กรณีที่ 3
การกินสะเดาทำให้ร่างกายแข็งแรง
สรุปว่า
การกินผักทำให้ร่างกายแข็งแรง
คงเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่า
พม่า เขมร มาเลเซีย
เขาตั้งบ่อนคาสิโน
ดูดเงินนักพนันจากเมืองไทยกันได้
เมืองไทยก็ควรจะตั้งได้เหมือนกัน
เพื่อป้องกันการรั่วไหลไปต่างประเทศ
เป็นการให้เหตุผลแบบ Inductive
reasoning เปี๊ยบ!
การให้เหตุผลอีกแบบนึงคือการเอาตัวบทมาเป็นตัวตั้ง
แล้วค่อยเอากรณีตัวอย่างมา
apply เพื่อนำไปสู่ข้อสรุป
(deductive reasoning หรือ นิรนัย)
อย่างเช่น
ตัวบท
กฎหมายไทยกำหนดว่าชายใดมีอายุ
21
ปีบริบูรณ์ต้องไปเกณฑ์ทหาร
(ทุก A ดังนั้น B)
กรณี Apply
ขณะนี้นายดวลเถลิง อายุ 21 ปี
(C เป็น Subset ของ A)
สรุปว่า
นายดวลเถลิงก็ต้องไปเกณฑ์ทหาร
(C ดังนั้น B เหมือนกัน)
บางทีเราก็เคยได้ยินคนพูดทำนองนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นักข่าว่าจะเข้ามาทำความเข้าใจ
และขอขมา เรื่องหนักจะได้เป็นเบา อืมม์
คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเนี่ยะนะ
ขอขมาได้ ตามตัวบทกฎหมาย ผู้ที่ทำผิด กฎหมายนี้จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาสถานเดียว
ไม่เชื่อถาม วีระ มุสิกพงศ์ดู เพราะเคยหาเสียงด้วยการบอกว่า เขา เป็นนักการเมือง
ต้องออกมาตะลอนๆหาเสียง ถ้าอยากสบายป่านนี้ทำตัวเป็นพระองค์เจ้าวีระ
นอนอยูในวังดีกว่า พูดจบก็โดนจับ ติดคุกไปพักนึงตามระเบียบ
|